ฝึกฝนการมองโลกแง่บวก
ทัศนคติของคนเรานั้น ถูกปลูกฝั่งมาตั้งแต่เล็กจนโต
ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม คนใกล้ชิด
พ่อแม่ พี่น้อง ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ เพื่อน ๆ
ถูกปลูกฝั่งทั้งจากการอบรมสั่งสอน
การมองเห็นเป็นตัวอย่าง ทั้งเรื่องดีและไม่ดี
จะถูกฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเรา
โดยที่เราอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
แสดงออกมาเป็นนิสัยและพฤติกรรมของตัวเราเอง
ซึ่งเมื่อเรารู้ตัวเองว่าเป็นอย่างไรแล้ว
อยากจะเปลี่ยนหรือพัฒนาให้ดีขึ้น
ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝนและใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น
ฝึกเป็นคนคิดบวก
การที่เราจะกลายเป็นคนคิดบวกได้นั้น
เป็นเรื่องที่ต้องฝึกฝน ให้กลายเป็นนิสัย
หัดคิดถึง พูดถึงแต่เรื่องดี ๆ
เปลี่ยนมุมมอง หาข้อดีในเรื่องต่างๆ
ไม่ต้องยุ่งกับเรื่องของคนอื่นมากนัก
ถ้ามันไม่ได้ทำให้เราเดือดร้อน
ออกห่างจากพวกคิดลบ
และคนชอบนินทา ถ้าเป็นไปได้
เปลี่ยนคำดูถูกจากคนอื่น
ให้มาเป็นพลังในการทำงาน
เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้เราได้มีความมุ่งมั่น
ในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
ไม้ต้องสนใจคำพูดของคนคิดลบ
คอยบอกกับตัวเองเสมอว่า
“เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
ฝึกการใช้ชีวิตและมองโลกแง่บวก
ในทุกวันจนกลายเป็นนิสัย
แล้วคุณจะรู้สึกมีพลังใจเข้มแข็งขึ้น
ไม่หงุดหงิดจากคำพูดคนอื่น
สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
เรื่องกระทบกระทั่งทางอารมณ์
ของคนอื่น ได้ดีขึ้น
ยิ้มและหัวเราะทุกวัน พูดให้กำลังใจตัวเอง
ทำอะไรที่ทำให้คุณมีความสุขและรู้สึกสนุกที่ได้ทำ
เลือกทำงานที่ชอบ ถ้าเลือกไม่ได้
ก็เปลี่ยนเป็น ชอบในงานที่ทำ
มองในแง่ดี อย่างน้อยคุณก็ยัง
มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัว
สำนึกรู้คุณถึงสิ่งที่คุณมีอยู่
แล้วคุณจะมีเพิ่มมากขึ้น
ขอบคุณต่อทุกสิ่งที่ได้รับ
ด้วยความจริงใจ
ทำให้ทุกวันเป็นวันที่มีความสุข
คิดว่าคุณโชคดีแค่ไหน
ที่ได้ตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่
ใช้ชีวิตเหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย
ใช้ชีวิตให้มีความสุขและคุ้มค่า
ที่ได้เกิดมาบนโลกที่งดงามใบนี้
พวกคนคิดลบนี่ น่าสงสารมาก
บางทีเขาก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
พวกเขามักจะคิดถึงแต่ตัวเอง
เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่เคยสนใจคนอื่น
ไม่ลองหันกลับมามองที่ตัวเอง
ว่าทำไมถึงมีความคิดลบแบบนี้
กลายเป็นคนใจแคบ หยาบคาย
ไม่คิดถึงใจคนอื่น อยากพูดอะไรก็พูด
บางครั้งทำร้ายจิตใจคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
เพียงเพราะความสนุกปากเพียงอย่างเดียว
คนพวกนี้ เมื่อทำแบบนี้บ่อย ๆ จะกลายเป็นนิสัยติดตัว
กลายเป็นทำโดยความเคยชิน ไม่รู้ตัวว่าทำไม่ดีอยู่
เหมือนพวกที่เขาเรียกกันว่า “นักเลงคีย์บอร์ด” หรือ
“คนชอบนินทา”
พวกเรียกร้องความสนใจ ชอบทำตัวเด่น คิดว่าตัวเองสำคัญ
ที่ชอบวิจารณ์คนอื่น บางทีเรายังไม่รู้จักเขา
ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา เราก็ไม่ควรไปวิจารณ์เขา
ให้เขาได้รับความทุกข์ใจ และเกิดความเสียหาย
แต่ก็ต้องขอบคุณ พวกที่คิดลบ
ที่คอยวิจารณ์เรา ทำให้เรามีพลัง
ในการทำงานให้ดีขึ้น ปรับปรุง
มุ่งมั่น พัฒนา ให้ทำงานให้สำเร็จจงได้
เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้พวกคิดลบเห็นว่า
เราทำได้จริง ทำให้เขาเห็นว่าเขาคิดผิด
ขอบคุณสำหรับทุก ๆ คำวิจารณ์ที่ทำให้เราเข้มแข็ง
แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
ขอบคุณทุก ๆ คำติชม ฉันคิดว่ามันคือความหวังดี
ฉันจะเอาไปพัฒนาตัวเองในการทำงานให้ดีที่สุด
และขอบคุณทุก ๆ กำลังใจดี ๆ ที่คอยเติมพลัง
เติมไฟในการทำงานให้ฉันมีแรงที่จะสร้างสรรค์
ผลงานดี ๆ ออกไป ให้ทุกคนได้ดู ได้เรียนรู้
และนำข้อคิดไปใช้ปรับให้เข้ากับจริตของตัวเอง
ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ
ขอบคุณ พ่อแม่ ที่ให้ชีวิต
ขอบคุณ สิ่งดี ๆ ที่ฉันได้รับ
ขอบคุณ ปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้ฉันเติบโต
ขอบคุณ โลกที่งดงาม
ขอบคุณ จักรวาลและทุกสรรพสิ่ง
ขอบคุณ ตัวของฉันเอง
ขอบคุณ สุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง
ขอบคุณ เซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างกายของฉัน
ขอบคุณ อวัยวะทุกส่วน
ขอบคุณ หัวใจของฉัน
ขอบคุณ รูปร่างกำลังดีของฉัน
ขอบคุณ คนดี ๆ ที่เข้ามารอบข้าง
ขอบคุณ กัลยาณมิตรที่มาเกื้อกูล
มีหนังสือดี ๆ ที่อยากแนะนำ
ให้เพื่อน ๆ ลองหามาอ่านกันดูนะคะ
หนังสือ “10 คัมภีร์นักขาย ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”
ของ อ๊อก แมนดิโน่ แปลโดย อ.บัณฑิต อึ้งรังษี
การอ่านและทำตามคำแนะนำของหนังสือเล่มนี้
ทำให้เราได้เรียนรู้และฝึกสร้างนิสัยใหม่ที่ดี
เมื่อทำตามคำแนะนำครบแล้ว
ฉันมั่นใจว่าคุณจะได้เรียนรู้และได้รับประโยชน์ดีๆมากมาย
จากการอ่านหนังสือเล่มนี้อย่างแน่นอน
ทุกความสำเร็จ ต้องอาศัยระยะเวลา
และความเพียรพยายาม มุ่งมั่น ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค
ดังคำกล่าวของ “วอร์เรน บัฟเฟต” ที่ว่า
ไม่ว่าคุณจะมีพรสวรรค์ หรือ มานะพยายามสักแค่ไหน
บางอย่างก็ต้องใช้เวลา
คุณไม่สามารถคลอดเด็กได้ภายในเดือนเดียว
โดยใช้คนอุ้มท้องเก้าคน
เราจะดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันเข้ามาหากัน
การที่เราได้พบกันผ่านคลิปนี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ขอให้ทุกคนมีความสุขและสนุกกับชีวิตในทุก ๆ วัน
ขอบคุณคะ สวัสดีคะ
ความคิดเห็น